วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2564

อุปกรณ์เพลงเขมร (ឧបករណ៏ភ្លេងខ្មែរ)

เครื่องดนตรีเขมร หรืออุปกรณ์เพลงเขมรส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายเครื่องดนตรีไทย แต่ก็มีเครื่องดนตรีเฉพาะบางชนิดที่เป็นเอกลักษณ์ของเขมรเช่น (ถ้าแทรกภาพที่ถ่ายรูปเองได้จะดีมาก)

วิดีโอที่ 1 จาปีของเขมร


1. จาปีเตา 14 ขฺทง ចាប៉ីទោ ១៤ ខ្ទង់ คือกระจับบี้ที่มีช่องดีด 14 เต้าดีดหลัก 
และจาปีฏงแวง ចាប៉ីដងវែង  คือกระจับบี้ยาวมีมากกว่า 14 เต้าดีดหลัก

วิดีโอที่ 2 ปี่ออ

2. ปี่ออเขมร (ប៉ីអ) คลายขลุ่ยเพียงออแต่มีหางหรือลิ้นเป่าต่อยาวแบบปี่



วิดีโอที่ 3 ซอสามสายเขมร

3. ทฺรอขะแมร์แขฺสปี ទ្រខ្មែរខ្សែបី  คือซอสามสาย


วิดีโอที่ 4 ตาเขเขมร

4. ตาเข តាខេ หรือกฺรเพี ក្រពើ คือจะเข้เขมรปัจจุบันมีรูปทรงเหมือนจะเข้ไทย แต่ในสมัยโบราณเชื่อว่ามีการทำจะเข้เขมรเป็นรูปสัตว์จระเข้เหมือนชาวมอญ


วิดีโอที่ 5 ระนาดเขมร


5. รนาดแขมร  រនាតខ្មែរ คือระนาดเขมรเหมือนระนาดไทยแต่เป็นเครื่องดนตรีที่ขาดไม่ได้ในวงดนตรีโบราณของเขมรทั้งวงพิณพาทย์ และมโหรี


วิดีโอที่ 6 ซอเสาเขมร


6. ทฺรอเสาขะแมร์ ទ្រសោខ្មែរ  คือซอเขมรมีลักษณะเหมืนซอด้วง



วิดีโอที่ 7 พิณเขมร

7. ปิณขะแมร์ ពិណខ្មែរ มีลักษณะคล้ายฮาร์ป Harp ของพม่าและอินเดียใต้

อาหารเขมร

               อาหารกัมพูชา หรือ อาหารเขมร เป็นอาหารที่บริโภคกันในประเทศกัมพูชา หรือชาวเขมร ซึ่งอาหารกัมพูชาได้รับอิทธิพลจากประเทศเพื่อนบ้านมาก ทั้งไทย พม่า ลาว เวียดนาม อินเดีย จีนและฝรั่งเศส อาหารเขมรส่วนมากมีความคล้ายคลึงกับอาหารไทย ลาวและจีนเช่น ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน แกงส้มปลาร้า ขนมเทียน ข้าวเหนียวมะม่วง เพียงแต่อาจจะมีเทคนิคการปรุงรส เครื่องเคียง เครื่องจิ้ม ที่มีความแตกต่างกันบ้างโดยชาวเขมรนิยมรับประทานแกงที่เรียกว่า ซอมลอมะจู ซึ่งก็คือแกงส้มปลาร้าเขมรที่มีความเข้มข้นกว่าแกงส้มไทย และโดยมากมักจะมีปลาเป็นอาหารหลัก (ชื่นกลม ปัญญายง 2558: 50, ดวงกมล การไทย ออนไลน์: 2559และณัฏฐิรา ทับทิม และคณะ 2560: 50-53)

วิดีโอที่ 1 การทำห่อหมก

1.      อาม็อก (អាម៉ុក) หรืออาม็อกเตร็ย (អាម៉ុកត្រី)  เป็นอาหารกัมพูชาที่มีชื่อเสียงที่สุด นิยมทำรับประทานในเทศกาลสงกรานต์ มีลักษณะใกล้เคียงกับอาหารของเพื่อนบ้าน คือ ห่อหมกของประเทศไทยและหมกของประเทศลาว แตกต่างรสชาติคือไม่เผ็ด ทำจากปลาน้ำจืด ใส่เครื่องแกง กะทิ ถั่วลิสงอบ กะทิ ไข่ ห่อด้วยใบตองและนึ่งจนกว่าจะสุกและอยู่ตัว สาเหตุที่ประเทศกัมพูชารับประทานปลา เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่อยู่บริเวณกลางประเทศ แต่อาจเปลี่ยนจากเนื้อปลาเป็นไปเนื้อไก่หรือหอยแทนได้


วิดีโอที่ 2 วิธีทำลกลักเนื้อวัว

2.      ลกลัก (ឡុកឡាក់) เป็นอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารฝรั่งเศส ทำจากเนื้อวัว หั่นเป็นลูกเต๋า หมักกับกระเทียม น้ำปลา ซอสถั่วเหลือง ซีอิ๊วดำ น้ำมันหอย นำไปผัดให้สุกด้วยไฟแรง นิยมกินกับผักน้ำ ผักกาดหอม หอมดอง กระเทียมดอง และข้าวผัดซอสมะเขือเทศ ส่วนในกัมพูชาจะแล่เนื้อวัวให้เป็นชิ้นบาง ผัดกับซอสมะเขือเทศและหอมใหญ่กับกับข้าวและกระเทียมดอง



วิดีโอที่ 3 วิธีทำน้ำพริกปลาร้ากะทิ

3.      ปรอฮ็อกกะติ (ប្រហុកខ្ទិះ) หรือน้ำพริกปลาร้ากะทิของชาวกัมพูชา มีส่วนประกอบหลักคือปลาร้า กะทิ และเครื่องแกงเหลือง อันมีส่วนผสมของ หอมแดง กระเทียม ตะใคร้ ข่า ขมิ้น และผิวมะกรูด โขลกรวมกันอย่างละเอียด นำมาผัดในกระรวมกับเนื้อหมูและเนื้อปลาร้าสับ นิยมรับประทานกับข้าวสวยและผักสด (นันทนา ปรมานุศิษฏ์, 2556:147)  


วิดีโอที่ 4 วิธีทำแกงซอมลกอโก

4.      ซอมลอกอโก (សម្លរកកូរ) แกงกอโกเป็นแกงเผ็ดชนิดหนึ่งเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวกัมพูชามีลักษณะคล้ายแกงเลียง แกงข้าวคั่ว หรือแกงผัดพริกแกงน้ำปลาร้า แล้วแต่ตำรับ โดยมีจุดเด่นคือส่วนผสมของเครื่องแกงและปลาร้าเข้มข้นมากกว่าแกงของไทย นิยมใส่ใบมะรุมและผักต่างๆตามต้องการ ส่วนเนื้อสัตว์ ใส่ได้ทั้งเนื้อหมู เนื้อปลา และเนื้อไก่ (ปฐมพงษ์ สุขเล็ก, 2559:63)


วิดีโอที่ 5 วิธีทำแกงซอมลอมะจู

           5. ซอมลอมะจู (សម្លរម្ជូរ) เป็นอาหารที่ปรุงให้มีรสเปรี้ยว มีรูปแบบที่หลากหลาย ในประเทศจะใส่มะเขือเทศ สับปะรด ปลาดุก รากบัวและใบโหระพา ในเสียมราฐใส่หน่อไม้ กุ้งแม่น้ำ สัมลอร์มะจูกรอเอ็ง ใส่น้ำพริก ขมิ้น ผักบุ้ง ผักชีและเนื้อวัว รสเปรี้ยวอาจจะมาจากปลาร้า มะขาม ตะไคร้ มะกรูด มะนาว คล้ายอาหารของเวียดนามที่เรียกว่ากัญจัว

เทศการและประเพณีเขมร

            


  ภาพที่ 1 เทศกาลปีใหม่ของเขมร

ที่มา : Bona. 2562 : online.

    ประเพณีหรือเทศกาลต่าง ๆ ของชาวกัมพูชามีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ความเชื่อ ศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวกัมพูชา ได้แก่

1.     บุญขึ้นปีใหม่หรือบน โจล ชนัม ทเม็ย

          บุญขึ้นปีใหม่หรือบน โจล ชนัม ทเม็ยแปลว่า บุญขึ้นปีใหม่ ตรงกับวันที่ 14-16 เมษายน  ถือเป็นช่วงเวลาที่สมาชิกในครอบครัวได้กลับมาพบกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ก่อนถึงเทศกาลทุกคนในบ้านจะร่วมกันทำความสะอาดบ้านเรือนพร้อบตบแต่งให้สวยงามด้วยโคมไฟหลากสี มีการเตรียมเครื่องแต่งกายชุดใหม่ และที่สำคัญคือการเตรียมเครื่องเซ่นสรวงต่อเทวดา (สงกรานต์กัมพูชา วันปีใหม่แบบเขมร, 2559) 

          เมื่อเข้าสู่เทศกาลในวันแรก หรือ วันทไง มา ฮา ซ็อง กรานต์ จะมีพิธีสำคัญคือ พิธีสังเวยรับเทวดาใหม่ คาดว่าเวลาในการเริ่มพิธีมีขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศโดยการรับสัญญาณผ่านโทรทัศน์วิทยุและเสียงระฆังจากวัดในหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นการให้สัญญาณว่าเทวดาใหม่ได้เสด็จมาเพื่อรับเครื่องสังเวยแล้วและจะสถิตอยู่เพื่อปกปักรักษาเป็นเวลา 1 ปี เริ่มจากการจุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย พรมน้ำอบแก่เครื่องเซ่นสังเวย และอธิษฐานขอพรจากเทวดา จากนั้นจะนำภัตตาหารไปถวายพระที่วัดรวมถึงขนทรายเข้าวัดเพื่อก่อพระเจดีย์ทราย ส่วนวันที่ 2 หรือ ทไง ก็อน ดาล คล้ายกับว่าเป็นวันของบรรพบุรุษผู้ล่วงลับและบิดามารดา เนื่องจากในช่วงเช้าจะมีการจัดอาหารคาวหวานและเสื้อผ้าชุดใหม่เพื่อกราบขอพรจากบิดามารดาและผู้มีพระคุณ จากนั้นในช่วงสายจะน้ำภัตตาหารไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ที่วัดพร้อมทั้งมีการก่อพระเจดีย์ทรายขึ้นอีก 1 กอง ส่วนวันที่ 3 หรือ ทไง เลิง ซ็อก ถือเป็นวันเถลิงศกของชาวกัมพูชา ในช่วงเช้ายังคงมีการนำภัตตาหารไปถวายพระที่วัด ต่อด้วยสรงน้ำพระ และรดน้ำขอพรจากบิดามารดาในช่วงบ่าย จากนั้นจะมีการเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน แต่ที่จริงแล้วหนุ่มสาวจะเล่นสาดน้ำและมีการละเล่นต่าง ๆ อาทิ สะบ้า มอญซ่อนผ้า ชักเย่อ ตั้งแต่เริ่มเทศกาล หรือ ทไง มา ฮา ซ็อง กรานต์ (สงกรานต์กัมพูชา วันปีใหม่แบบเขมร, 2559)

 

2.     พิธีแรกนาขวัญ

พิธีแรกนาขวัญเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวกัมพูชา มีขึ้นในช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนพฤษภาคมเพื่อความพร้อมของเกษตรกรก่อนการเพาะปลูกข้าว โดยจะพิธีบริเวณสนามหน้าลานพระราชวัง โดยสันนิษฐานว่าเกิดขึ้นอย่างช้าที่สุดในสมัยนครธม ถือเป็นพระราชพิธีที่พระมหากษัตริย์ให้ความสำคัญต่อวิถีการดำรงชีวิตของราษฎรผู้ทำการเกษตร แม้ว่าพระองค์จะมิได้เป็นผู้ทำการเกษตรโดยตรง ทรงเป็นเจ้าของแผ่นดินแต่มิได้ทรงหวงแหนพื้นที่ไว้เฉพาะพระองค์เพียงผู้เดียว หากแต่พระราชทานพื้นที่ทำกินเหล่านั้นให้แก่ราษฎร ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ราษฎรเหล่านั้นจึงทำการถวายผลผลิตทางการเกษตรของตนต่อองค์พระมหากษัตริย์เพื่อใช้เป็นเครื่องราชูปโภค หรือที่เรียกว่า “การถวายส่วยสาอากร” (ออกญาเทพพิทู และ ขุนอุดมปรีชา, 2550: 87) ความโดดเด่นของพระราชพิธีอยู่ที่การเสี่ยงทายของพระโคโดยการนำอาหาร 7 อย่าง ประกอบด้วย ข้าวสาร ข้าวโพด ถั่ว หญ้า งา เหล้า และน้ำ ให้พระโคเลือกกิน หากพระโคเลือกกินอาหารชนิดใดพยากรณ์ว่าสิ่งนั้นจะบริบูรณ์ดี

 


ภาพที่ ประเพณีแซนโฏนตา
ที่มา : สุภาพร สุธารส. มปป. : ออนไลน์.

3.     ประเพณีงานบุญใหญ่หรือแซนโฎนตา

          ประเพณีงานบุญใหญ่หรือแซนโฎนตาถือเป็นงานบุญใหญ่ของชาวกัมพูชา เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ซึ่งมีระยะเวลาการจัดงานถึง 15 วัน ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 จนถึง วันแรม 15 ค่ำเดือน 10  แบ่งเป็น 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 เรียกว่า เบ็นตูจ หรือ สารทเล็ก ส่วนระยะที่ 2 เรียกว่า เบ็นธม หรือ สารทใหญ่ ในส่วนของเบ็นตูจ คือการนำอาหารไปทำบุญที่วัด แต่ที่สำคัญที่สุด คือ เบ็นธม หรือ สารทใหญ่ เป็นช่วงเวลาที่สมาชิกในครอบครัวทุกคนต้องกลับมารวมตัวกันยังบ้านเกิดเพื่อร่วมกันทำบุญอุทิศกุศลให้แก่บรรพบุรุษ โดยการที่สมาชิกในครอบครัวจะผลัดเปลี่ยนกันนำอาหารไปทำบุญที่วัดทุกวันตลอดระยะเวลา 14 วัน เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นข้างแรม เชื่อว่าเป็นช่วงที่วิญญาณของบรรพบุรุษกลับมาสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง ดังนั้นจึงก่อให้เกิดพิธีกันสงฆ์ หรือกันซ็อง ขึ้น

          พิธีดังกล่าวเกิดขึ้นจากความเชื่อที่ว่าเมื่อบรรพบุรุษกลับมาสู่โลกมนุษย์แล้วจะมาอาศัยพักในวัดบ้านเกิดของตน และรอคอยลูกหลานมาทำบุญ ดังนั้นการทำบุญในประเพณีแซนโฎนตาของชาวกัมพูชาจึงจำเป็นต้องกระทำในวัดบ้านเกิดของตน เนื่องจากหากไปทำที่อื่นเชื่อว่าวิญญาณบรรพบุรุษที่มารอคอยอยู่ที่วัดบ้านเกิดนั้นจะไม่พบลูกหลาน และจะออกตามหาลูกหลานไปทุกวัด และหากยังไม่พบก็จะโกรธและทำการสาปแช่งลูกหลาน ในขณะเดียวกันหากพบว่าลูกหลานมาทำบุญที่วัดบ้านเกิดของตน วิญญาณบรรพบุรุษก็จะชื่นอกชื่นใจให้พรลูกหลาน ทั้งยังปกปักรักษาคุ้มครอง ดังนั้นในส่วนนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงความทับซ้อนกันระหว่างความเชื่อในวิญญาณของบรรพบุรุษ หรือกล่าวสั้นๆ ว่าความเชื่อในเรื่องผีกับความศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่ว่าวัดจะเป็นที่พักอาศัยของวิญญาณผู้ล่วงลับเมื่อกลับมายังโลกมนุษย์และการถวายอาหารแก่พระสงฆ์จะทำให้วิญญาณของบรรพบุรุษได้รับอาหารนั้น ๆ ไปด้วย ในที่นี้วัดและพระสงฆ์จึงคล้ายกับเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณของบรรพบุรุษกับลูกหลานให้ได้ติดต่อถึงกันตามพิธีกรรมและความเชื่อ

           การทำบุญในประเพณีแซนโฎนตาจะมีการประกอบอาหารขึ้น 2 ชนิด ถือเป็นอาหารสำคัญประจำประเพณี คือ อ็อนซ็อมทำจากข้าวเหนียวห่อไส้หมูหรือไส้กล้วย และ บายเบ็ณฑ์ คือ ก้อนข้าว ทำขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ผีไร้ญาติ หากพิจารณาตามความเชื่อของชาวกัมพูชาในจังหวัดสุรินทร์นั้นจะพบว่า บายเบ็ณฑ์ มีความเชื่อมโยงกับพระพุทธศาสนา ในเรื่องของจำนวนก้อนข้าวที่ใช้ในพิธีกรรม ซึ่งใช้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 49 ก้อน ตามจำนวนก้อนข้าวที่พระพุทธเจ้าหยิบเสวยเมื่อได้รับการถวายจากนางวิสาขา (ศิริพร สุเมธารัตน์, 2553:455)

      

ภาพที่ การแข่งเรือเทศกาลน้ำของประเทศกัมพูชา
ที่มา : 

4.     เทศกาลน้ำหรือ บอน อม ตุก  

          เทศกาลน้ำหรือ บอน อม ตุก นับเป็นเทศกาลประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของชาวกัมพูชา จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความสำนึกในพระคุณของพระแม่คงคา แต่พื้นที่สำคัญอยู่ในกรุงพนมเปญ บริเวณแม่น้ำจตุมุข อันเป็นจุดบรรจบกันของแม่น้ำสายหลักในกัมพูชาถึง 3 สาย คือ แม่น้ำโขง แม่น้ำบาสักและแม่น้ำสาบ ภายในงานมีสมเด็จพระบรมนารถนโรดม สีหมุนี เสด็จพระราชดำเนินร่วมงานโดยเป็นองค์ประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะรัฐบาลและข้าราชการระดับสูงตลอดจนพสกนิกรทุกหมู่เหล่า (ธีรภาพ โลหิตกุล, 2558:152) ถือเป็นโบราณราชประเพณีที่มีปรากฏอยู่ในหนังสือพระราชพิธีทวาทศมาส ของขุนอุดมปรีชา อธิบายว่า พระราชพิธีเดือนสิบสอง มี 3 พระราชพิธี คือ พระราชพิธีพายเรือ ลอยพระประทีป และไหว้พระแข (ออกญาเทพพิทู และ ขุนอุดมปรีชา, 2550: 22)  ซึ่งมีความสอดคล้องกับธรรมเนียมการจัดงาน บอน อม ตุก ในปัจจุบัน มีการประกอบพิธีหลัก 3 พิธี คือ

1. พิธีลอยประทีป จะกระทำในช่วงเวลากลางคืน ด้วยการลอยประทีปไปตามลำน้ำ พร้อมทั้งมีการประกวดขบวนเรือที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยไฟหลากสี  (ธีรภาพ โลหิตกุล, 2558:153)

2. พิธีไหว้พระจันทร์ หรือ ชาวกัมพูชาเรียกว่า สัมเพียสพระแข เพื่ออธิษฐานขอพรจาก    ดวงจันทร์ให้มีข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์

3. พิธีอุ อัมมก เป็นพิธีกรรมที่ชาวบ้านจะต้องมารวมตัวกันที่วัดในเวลาเที่ยงคืน  เพื่อรับประทาน อัมมก เป็นอาหารชนิดหนึ่งลักษณะคล้ายข้าวเม่าคลุก ผสมกล้วยและมะพร้าวขูด 


อ้างอิง
สุภาพร สุธารส. (มปป.). งานประเพณีแซนโฏนตา. (ออนไลน์). สืบค้นวันที่ 24/8/2564 จาก 

Bona. (2562). Sawsadey Chanamthani –Chanamchaw Samritdhisak – Paw Saw 2562 (សួស្ដីឆ្នាំថ្មី ឆ្នាំច សំរឹទ្ធិស័ក .. ២៥៦២). accessed 2021/08/24 from https://puthtannbona.wordpress.com/2018/04/05/សួស្ដីឆ្នាំថ្មី-ឆ្នាំច %E2%80%8B/

Chhay. (2562). Khmer Kambucha (ខ្មែរ កម្ពុជា). (online) accessed 2021/08/24 from https://tenor.com/view/ខ្មែរ កម្ពុជា-cambodia-khmer-water-festival-khmer-gif-15284222


พยัญชนะชุด โอ

 

ภาพที่ 1 พยัญชนะชุดโอ +สระ

ที่มา : สร้างเองโดยผู้เขียน


วิดีโอที่ 1 พยัญชนะชุด โอ +สระ 1


วิดีโอที่ 2 พยัญชนะชุด โอ +สระ 2


วิดีโอที่ 3 พยัญชนะชุด โอ +สระ 3


วิดีโอที่ 4 พยัญชนะชุด โอ +สระ 4


วิดีโอที่ 5 พยัญชนะชุด โอ +สระ 5


วิดีโอที่ 6 พยัญชนะชุด โอ +สระ 6





กลับหน้าหลัก


พยัญชนะชุด ออ

 

ภาพที่ 1 พยัญชนะชุด ออ + สระ

ที่มา : สร้างโดยผู้เขียน


วิดีโอที่ 1 พยัญชนะชุด ออ +สระ 1


วิดีโอที่ 2 พยัญชนะชุด ออ +สระ 2

วิดีโอที่ 3 พยัญชนะชุด ออ +สระ 3


วิดีโอที่ 4 พยัญชนะชุด ออ +สระ 4


วิดีโอที่ 5 พยัญชนะชุด ออ +สระ 5






กลับหน้าหลัก


พยัญชนะเขมร

 

ภาพที่ 1 อักษรเขมร
ที่มา : ชนากานต์ กิ่งแก้ววัฒนาและคณะ. มปป. : ออนไลน์



ภาพที่ 2
ที่มา : สร้างโดยผู้เขียน

วิธีการอ่านอักษรเขมร

ก (กอ) ข (คอ) ค (โก) ฆ (โค) ง (โง)

จ (จอ) ฉ (ชอ) ช (โจ) ฌ (โช) ญ (โญ)

ฏ (ดอ) ฐ (ทอ) ฑ (โด) ฒ (โท) ณ (นอ)

ต (ตอ) ถ (ทอ) ท (โต) ธ (โท) น (โน)

บ (บอ) ผ (พอ) พ (โป) ภ (โพ) ม (โม)

ย (โย) ร (โร) ล (โล) ว (โว)

ส (ซอ)  ห (ฮอ) ฬ (ลอ) อ (ออ)


วิดีโอที่ 1 การออกเสียงและเขียนพยัญชนะเขมร

อ้างอิง

ชนากานต์ กิ่งแก้ววัฒนาและคณะ. (มปป.). พยัญชนะตัวเชิง. (ออนไลน์). สืบค้นวันที่ 24/8/2564 จาก https://sites.google.com/site/karreiynrukhemr/home/phyaychna-khemr/1/2






กลับหน้าหลัก


วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563

สัญลักษณ์ในภาษาเขมรและพยัญชนะคู่

 


      1 สัญลักษณ์เขมร หรือสัญญา

    👼 สัญลักษณ์สำหรับการเขียนของเขมรมี 2 ชนิดคือ 1. វណ្ណយុត្តិ วัณณยุตฺติ และ 2. ខណ្ឌសញ្ញា ขัณฑสัญญา

1.1 វណ្ណយុត្តិ วัณณยุตฺติ (วัน-นะ-ยุต) คือสัญญาลักษณ์ที่เกี่ยวกับการแปลงเสียงคำให้สมบูรณ์

สัญญา

ชื่อเขมร

ชื่อไทย

การใช้งาน

និគ្គហិត 

(นิกกอเหต)

นิคหิต

เพิ่มเสียงนาสิกลงท้ายเสียงสระ มาจาก อนุนาสิกะที่ใช้ในภาษาบาลีและสันสกฤต

រះមុខ 

(เรี๊ยฮ์มุค)

វិសជ៌នីយ

(วิซันจะนีย์)

วิสรรคะ

เพิ่มเสียงหายใจ [ʰลงท้ายเสียงสระในภาษาบาลีสันสกฤต เรียก “วิสรรคะ” ส่วนในภาษาเขมรเป็นสระชนิดหนึ่งถ้าใช้กับพยัญชนะกลุ่มออ ออกเสียง อั๊ฮ์ ถ้าเป็นกลุ่มพยัญชนะโอ ออกเสียง เอี๊ยฮ์

យុគលពិន្ទុ 

(ยุกะละปินฺตุ)

ประวิสรรชนีย์

เพิ่มเสียงกัก เส้นเสียง /ʔลงท้ายเสียงสระ มักจะถูกละไว้ โดยในภาษาเขมรยุคลพินฺทุมักบังคับในพยัญชนะกลุ่มเสียง ออ อ่านเป็นเสียง อะ

កាកបាទ 

(กากะบาต)

-

แสดงการเพิ่มน้ำเสียงสำหรับคำอุทานมีรูปเหมือนวรรณยุกต์ไม้จัตวาของไทยแต่ใช้ไม่เหมือน

វិរាម (วิเรียม)

วิราม

สัญลักษณ์ใช้แทน วิราม ในอักษรเทวนาครี หรือตัวสะกด อักษรควบกล้ำในคำบาลีสันสกฤต

បន្តក់ 

(บอนฺเตาะก์)
រស្សសញ្ញា 

(รัซซะซัญฺญา)

-

ทำให้เสียงสระบางชนิดสั้นลง ใส่ไว้ที่พยัญชนะที่เป็นตัวสะกดคือ ก ง จ ญ ต (ด)  น บ ล และ ซ (ส) เปลี่ยนเสียงสระยาวให้สั้น เป็น /อะ/ / อัว/  /เอาะ/ ฯ เช่น กก อ่าน กอก แต่ กก่ อ่าน /ก๊อก/ กง /กอง/ กง่ /ก่อง/ แต่ จาญ /จาญ/ จาญ่ /จัญ/ เป็นต้น

แล้วแต่รูปสระ โดยมีรูปเหมือนไม้เอกไทย แต่ใช่ไม่เหมือนกัน

ធ្មេញកណ្ដុរ 

(ทะเมญ-กอณฺโดร์)

มูสิกทนต์

ฟันหนู

 เปลี่ยนพยัญชนะที่มีพื้นเสียง /โอให้เป็น /ออ/ ใช้ได้เฉพาะพยัญชนะ และเปลี่ยนเสียง บอ เป็นปอ ប៉

 

 

ត្រីស័ព្ទ 

(เตฺรยซับ)

-

เปลี่ยนพยัญชนะที่มีพื้นเสียง /ออให้เป็น /โอ/ ใช้ได้เฉพาะพยัญชนะ รวมถึงตัวอักษรที่มีพยัชนะเหล่านี้เป็นตัวควบกล้ำ และเปลี่ยนเสียง บอ เป็นโบ ប៊

លេខអស្តា 

(เลค-อัซ-ซดา)

ไม้ไต่คู้

แสดงการเพิ่มน้ำเสียงสำหรับคำที่มีพยัญชนะเพียงตัวเดียว เช่นคำว่าก็

ទណ្ឌឃាដ 

(โตณฺ-ณเคียด)

ทัณฑฆาต

ใช้กำกับอักษรบางตัวที่ไม่ออกเสียง เหมือนทัณฑฆาตและตัวการันต์ในภาษาไทย

របាទ (เรอบาต)
រេផៈ (เรผะ)

ร เรผะ

    ภาษาไทยมักใช้การเติม รฺ (ร หัน) แก้ ร เรผะที่เป็นคำยืมภาษาสันสกฤต แต่ในเขมรคงรูปไว้แต่เปลี่ยนวิธีอ่านบ้างในบางคำ เช่น เขียน ទុគ៌ត  ทุรฺคต อ่าน /ตุเรอะกต, មត៌ក มรฺดก /มอเรอะเด๊าะก์/ , ពណ៌ พรฺณ /ปัว/, គភ៌ ครฺภ /กัว/ ,ធម៌ ธรฺม /ทัว/ ฯลฯ แต่ก็มีบ้างที่ผู้เรียนเขมรชาวต่างชาติมักจะสับสนและใช้เรผะแทนทัณฑฆาตเอง อาจจะเป็นเพราะคำที่เป็น ร เรผะในภาษาเขมรทั่วไปที่มีพยางค์เดี่ยวตัวสะกดหลัง ร เรผะ มักไม่ออกเสียง แต่ก็ไม่เหมือนทัณฑฆาตเสียทีเดียวเพราะยังมีบางคำที่มีมากพยางค์ที่เสียง ร เรผะไม่ทำให้เสียงในคำเขมรหายไป  เสียงพยัญชนะกลุ่มโอที่ลง ร เรผะทำให้เสียงหายมักออกเสียงออ ในขณะที่ถ้าลงทัณฑฆาตตัวสะกดของศัพท์ที่มีพยัญชนะต้นเป็นกลุ่มโอ ยังคงเสียงโอไม่เปลี่ยนแปลง

    อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน ร เรผะ ของเขมรใช่เขียนสำหรับการศึกษาและอ่านคำสันสกฤตโดยนักวิชาการสันสกฤตโดยตรงเท่านั้น ส่วนคนเขมรยุคใหม่มักเอา ร เรผะเขียนลงล่างแบบตัว ร ธรรมดาในภาษาเขมรคือ ទុរគត  ทุรคต อ่าน /ตุเรอะกต, មរតក มรดก /มอเรอะเด๊าะก์/ , ពរណ พรณ /ปัว/, គរភ ครภ /กัว/ ,ធរម ธรม /ธัว/ ฯลฯ เพื่อความสะดวกโดยไม่เปลี่ยนวิธีอ่าน (ក្រុមប្រឹក្សាជាតិភាសាខ្មេរ , [....] . ២០១៨ ២៥)

សំយោគសញ្ញា 

(ซำยุกซัญฺญา)

ไม้หันอากาศ

 ใช้แสดงสระเสียงสั้นในคำบาลีสันสกฤต ที่มักเป็นยืมบาลีสันสกฤต เช่น สมัย ภัย วินัย ซึ่งมักเป็นคำที่มีตัวตามมามักอ่านเป็นอะลดรูป แต่ถ้าเป็นคำเขมรที่เป็นพยัญชนะกลุ่ม ออ ให้คงเป็นเสียงออ เช่น ญัร /ญอ/  เพราะ ร, ล, ส ที่เป็นตัวสะกดในภาษาเขมรมักเสียงหาย

  แต่ถ้าเป็นกลุ่มพยัญชนะโอให้กลายเป็นเสียง อัว เช่น คัง อ่าน กวง เป็นต้น

ក្បៀសក្រោម 

(กเบีย-เกฺราม)
បុកជើង 

(บกเจิง)

-

ใช้แก้แทน มูสิกทนฺต์ และ เตฺรยซับ ใช้ในกรณีที่มีสระบนอยู่แล้ว ไม่สามารถเขียนหรือพิมพ์ซ้อนได้ ต้องแก้เป็นสระ อุ ลงแทนเรียกบกเจิงหรือ กฺเบียเกฺราม แทนเพื่อไม่ให้สับสนกับสระ อุ

ไทยใช้พินทุล่างใต้ตัวสะกดที่บาลีสันสกฤตเรียกว่า อนุสวาระ แทน

(กเบีย-จุลภาค + เกฺราม-ล่าง ปล. เกฺราม ใช้สระเสียงโอเสียงยาวไม่มีในภาษาไทยบ้างครั้งนักวิชาการบางท่านแทนว่า /อา-โอ/)

លេខទោ 

(เลคโต)

ไม้ยมก

ซ้ำคำที่อยู่ข้างหน้า

 

1.2 ខណ្ឌសញ្ញា ขัณฑสัญญา (คั่น-ซัญ-ญา) คือ สัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับการคั่นประโยค หรือวรรคตอน

สัญญา

ชื่อเขมร

ชื่อไทย

การใช้งาน

ខណ្ឌ (คั่น)
ខណ្ឌសញ្ញា (คั่นซัญฺญา)

ไปยาลน้อยอังคั่นเดี่ยว

 ใช้คั่นข้อความเมื่อจบประโยค (ต่างกับการใช้ในภาษาไทย)

ខណ្ឌចប់ (คั่นจ๊อบ)

ល្បៈចប់ (ละบะจ๊อบ)

อังคั่นคู่

ใช้คั่นข้อความเมื่อจบตอน

ទ្វិពិន្ទុលេខ 

(ตวิปินฺตุเลค)
ដំពីរ (ดอมปี)

ทวิภาค

 ข้อความต่อจากนี้คือรายชื่อหรือรายการเป็นข้อ ๆ

បេយ្យាលៈ (เบยฺยาละ)
លៈ (ละ)

ไปยาลใหญ่

 ยังมีสิ่งอื่นอีกนอกเหนือจากที่ยกมา

កុក្កុដនេត្រ 

(ก๊กฺกดดะเนตฺ)
ភ្នែកមាន់ 

(พแนกมวน)

ตาไก่

ฟองมัน

ใช้ขึ้นต้นข้อความขนาดยาว

ខណ្ឌបរិយោសាន 

(คั่นบริโยสาน)
គោមូត្រ (โคมูตฺ)

โคมูตร

 ใช้ลงท้ายเมื่อจบเรื่อง สามารถใช้คู่กับ ขณฺฑ หรือ ขณฺฑจบ่ ได้

,

ក្បៀស (กเบีย)

កណ្ដកសញ្ញា

(ก๊อนดอซัญญา)

จุลภาค

เครื่องหมายเว้นวรรคหรือระยะคำในประโยคที่ใช้จำแนกประเภทและชนิดที่ยกตัวอย่าง

.

អាទិសង្កេត

(อาติซังเกต)

มหัพภาค

จดบอกจำนวนย่อยของเวลาและตัวเลข

........

ពងត្រី (ปองเตรย)

จุดไข่ปลา

ละคำไว้ว่ายังมีเนื้อความต่ออีกหรือไม่สมบูรณ์

-

រជ្ជុសញ្ញា  

(รัจจุซัญญา)

សហសញ្ញា

(ซะหะซัญญา)

ยติภังค์

เชื่อมคำเชื่อมประโยค แสดงความเกี่ยวเนื่องกัน การอ่านคำ

?

បុច្ឆនសញ្ញា

(บุจชะนะซัญญา)

ปรัศนี

เครื่องหมายคำถาม

!



ឧទានសញ្ញា

(อุเตียนซัญญา)

อัศเจรีย์

เครื่องหมายตกใจ

(  )

វង់ក្រចក

(วงกระจอก)

នខសញ្ញា

(นคซัญญา)

วงเล็บ

นขลิขิต

เขียนข้อความสำคัญ ข้อความไว้ให้เข้าใจเพิ่มเติม คำอ่าน

[  ]

វង់តង្កៀប

(วงต๊องเกียบ)

วงเล็บเหลี่ยม

เช่นเดียวกับวงเล็บกลม แต่อาจเขียนซ้อนในวงเล็บกลมด้วย

{  }

រ៉ាត់

(รัต)

ឃ្នាប

(คเนียบ)

วงเล็บปีกกา

ใช้เขียนข้อความที่แสดงการเป็นพวกเดี่ยวกัน หรือย่อยจากคำหรือข้อความหลัก

“……”

អញ្ញប្រកាស

(อั๊ญญะประก๊า)

อัญประกาศ

ใช้อ้างอิงคำพูด

‘…….’

អព្ភន្តរសញ្ញា

(อัปโพนตะระซัญญา)

อัญประกาศเดี่ยว

ใช้อ้างอิงคำพูดซ้อนคำพูดที่อ้างอิงแล้ว

/

ស្លាស់ (Slash)

ทับ

ใช้บอกบ้านเลขที่ ปี ฯลฯ ที่สำคัญ

_____

គូសបន្ទាត់ក្រោម

(กูบอนต๊อตเกฺราม)

 

สัญประกาศ

ใช้ขีดใต้ข้อความที่สำคัญ

 

ค่าเงินเขมร

สัญญา

ชื่อเขมร

ชื่อไทย

การใช้งาน

សញ្ញារៀល 

(ซัญญาเรียล)

 

เรียล

สัญลักษณ์ค่าเงินเรียลใส่หลังตัวเลข แสดงค่าเงินเรียล

 2. ព្យញ្ជនៈគូ  พยัญชนะคู่ (พ-ยัญ-จะ-นะ-กู)

คือคู่เสียงพยัญชนะกลุ่ม ออ และโอ ที่มีคู่ของมันเอง หรือมีการใช้สัญลักษณ์ฟันหนู และเตรยซับทำให้อักษรกลุ่ม ออ และโอได้คู่เทียบครบทุกอักษร ซึ่งเสียงอักษรกลุ่ม ออ และโอ นี้มีความสำคัญต่อการออกเสียงสระต่าง ๆ ในระบบอักขรวิธีเขมรที่ซับซ้อนและมีเสียงสระหลายเสียงที่ไม่มีในภาษาไทย

ตารางกลุ่ม ออ ,โอ

กลุ่ม ออ

กลุ่ม โอ

กลุ่ม ออ

กลุ่ม โอ

กลุ่ม ออ

กลุ่ม โอ

กอ

โก

คอ

โค

ង៉ งอ

  โง

จอ

โจ

ชอ

โช

ញ៉ ญอ

โญ

ดอ

โด

ทอ

โท

นอ

โน

ตอ

โต

ทอ

โท

ប៉ ปอ

โป

บอ

ប៊ โบ

พอ

โพ

ម៉ มอ

โม

យ៉ ยอ

โย

រ៉ รอ

โร

វ៉ วอ

โว

ลอ

โล

ซอ

ស៊ โซ

หอ

ហ៊ โห

ออ

អ៊ โอ

ស្ហ ชอ (Sh)

ស្ហ៊ โช (Sh)

ហ្ម หมอ

ហ្ម៊ โหฺม

ហ្គ กอ (G)

ហ្គ៊ โก (G)

ហ្ស จอ (J)

ហ្ស โจ (J)

ហ្វ ฟอ

ហ្វ โฟ

  การใช้อักษรเขมรสะกดเสียงอ่านคำไทย

เสียงพยัญชนะ

รูปพยัญชนะ

กลุ่ม ออ

กลุ่ม โอ

/ก/

 กอ

 โก

/ค/

ข ฃ ค ฅ ฆ

 คอ

 โค

/ง/

ង៉ งอ

  โง

/จ/

 จอ

 โจ

/ช/

ฉ ช ฌ

 ชอ

 โช

/ซ/

ซ ศ ษ ส

 ซอ

ស៊ โซ

/ด/

ด ฎ

 ดอ

 โด

/ต/

ต ฏ

 ตอ

 โต

/ท/

ท ธ ฑ ฒ ถ ฐ

 ทอ

 โท

/น/

น ณ

 นอ

 โน

/บ/

 บอ

ប៊ โบ

/ป/

ប៉ ปอ

 โป

/พ/

ผ พ ภ

 พอ

 โพ

/ฟ/

ฝ ฟ

ហ្វ ฟอ

ហ្វ៊ โฟ

/ม/

ម៉ มอ

 โม

/ย/

ย ญ

យ៉ ยอ

 โย

/ร/

រ៉ รอ

 โร

/ล/

ล ฬ

 ลอ

 โล

/ว/

វ៉ วอ

 โว

/อ/

 ออ

អ៊ โอ

/ฮ/

ห ฮ

 หอ

ហ៊ โห

 

สะกด มีอยู่ทั้งหมด จำนวน 9 เสียง ดังนี้

มาตราตัวสะกด

เสียง

รูปพยัญชนะเสียง

อักษรเขมรที่ใช้แทนคือ

แม่ ก กา

 -

คือคำที่ไม่มีเสียงพยัญชนะท้าย

-

แม่กก

/ก/

ก ข ค ฆ

แม่กด

/ด/

จ ด ต ถ ท ธ ฎ ฏ ฑ ฒ ช ซ ศ ษ ส

แม่กบ

/บ/

บ ป พ ภ ฟ

แม่กง

/ง/

แม่กน

/น/

น ณ ญ ร ล ฬ

แม่กม

/ม/

แม่เกย

/ย/

แม่เกอว

/ว/

 

คู่ ก และ ค แทนเสียงพยัญชนะ /ก/ ที่บวกกับเสียงสระต่าง ๆในภาษาไทย

 

สั้น

กลุ่มออ

กลุ่มโอ

ยาว

กลุ่มออ

กลุ่มโอ

กะ

កៈ

 

กา

កា

 

กิ

 

គិ

กี

 

គី

กึ

 

គឹ

กือ

 

គឺ

กุ

 

គុ

กู

 

គូ

เกะ

កិ

 

เก

កេ

 

แกะ

កេះ

គេះ

แก

កែ

 

โกะ

កុ

 

โก

កោ

 

เกาะ

កោះ

 

กอ

 

เกอะ

កឹ

 

เกอ

កឺ

 

เกียะ

កៀៈ

 

เกีย

កៀ

គា/គៀ

เกือะ

កឿៈ

 

เกือ

កឿ

គឿ

กัวะ

កះ

 

กัว

កួ

គួ

กำ

កំា

 

กาม

កាម

 

ไก

កៃ

 

กาย

កាយ

 

เกา

កៅ

 

กาว

កាវ

 

กฤ

ក្រ

 

กฤๅ

ក្រឺ

 

กฦ

ក្ល

 

กฦๅ

ក្លឺ

 

เช่น กลไก อ่าน กน- ไก เขียนตามเสียงได้เป็น កុនកៃ , กรรไก อ่าน กัน- ไก เขียนตามเสียงได้เป็น កាន់កៃ. กะปิ อ่าน กะ- ปิ เขียนตามเสียงได้เป็น កៈប៉ិ เนื่องจากการออกเสียงสระไทยและเขมรต่างกัน

 

คู่ ย ลงฟันหนู

สั้น

กลุ่มออ

กลุ่มโอ

ยาว

กลุ่มออ

กลุ่มโอ

ยะ

យ៉ៈ

 

ยา

យ៉ា

 

ยิ

 

យិ

ยี

 

យី

ยึ

 

យឹ

ยือ

 

យឺ

ยุ

 

យុ

ยู

 

យូ

เยะ

យ៉ិ

 

เย

 

យេ

แยะ

 

យេះ

แย

 

យែ

โยะ

យ៉ុ

 

โย

 

យោ

เยาะ

យោះ

 

ยอ

យ៉

 

เยอะ

យ៉ឹ

 

เยอ

 

យើ

เยียะ

 

យៀៈ

เยีย

 

យៀ

เยือะ

 

យឿៈ

เยือ

 

យឿ

ยัวะ

យ៉ះ

 

ยัว

 

យួ

ยำ

យ៉ាម់

 

ยาม

យ៉ាម

 

ไย

យ៉ៃ

 

ยาย

យ៉ាយ

 

เยา

យ៉ៅ

 

ยาว

យ៉ាវ

 

ยฤ

 

យ្រ

ยฤๅ

 

យ្រឺ

ยฦ

 

យ្ល

ยฦๅ

 

យ្លឺ

เช่น อยู่ อ่าน หยู่ เขียนตามรูปเสียงเป็น ហ្យ៊ូ , นิยาย อ่าน นิ-ยาย เขียนตามรูปเสียงเป็น និយ៉ាយ เป็นต้น (ทั้งที่ภาษาเขมรมีคำว่า นิยาย เป็นรูปเขียนคือ និយាយ แต่อ่าน นิเยียย แปลว่า บอกเล่า/พูด)

 

 

คู่ อ ลงเตรยซับ

สั้น

กลุ่มออ

กลุ่มโอ

ยาว

กลุ่มออ

กลุ่มโอ

อะ

អៈ

 

อา

អា

 

อิ

 

អ៊ិ

อี

 

អី

อึ

 

អ៊ឹ

อือ

 

អ៊ឺ

อุ

 

អ៊ុ

อู

 

អ៊ូ

เอะ

អិ

 

เอ

អេ

 

แอะ

អេះ

 

แอ

អែ

 

โอะ

អុ

 

โอ

អោ

 

เอาะ

អោះ

 

ออ

 

เออะ

អឹ

 

เออ

អឺ

 

เอียะ

អៀៈ

 

เอีย

អៀ

 

เอือะ

អឿៈ

 

เอือ

អឿ

 

อัวะ

អះ

 

อัว

អួ

 

อำ

អំា

 

อาม

អាម

 

ไอ

អៃ

 

อาย

អាយ

 

เอา

អៅ

 

อาว

អាវ

 

 

អ្រ

ฤๅ

 

អ្រឺ

 

អ្ល

ฦๅ

 

អ្លឺ


เช่น อะไร อ่าน อะ-ไร เขียนตามเสียงเป็น អៈរៃ , โอยทาน อ่าน โอย- ทาน เขียนตามเสียงเป็น អោយ ថាន หรือ ឲ្យថាន (คำว่า โอย ในเขมรเขียนได้หลายแบบคือ អោយ, ឲ្យ, ឱ្យ, ឱយ)



 การโดยสรุปคำไทยรับคำยืมมาจากภาษาเขมร บางคำรับรูปเขียนมาแล้วออกเสียงแบบไทย ๆ บางคำรับรูปเสียงมาแล้วเขียนทับศัพท์เอง บางคำเป็นคำยืมบาลีสันสกฤตมีรากศัพท์เดียวกัน แต่เมื่อเขียนแล้วออกเสียงไม่เหมือนกัน ดังนั้นการเขียนคำอ่านภาษาไทยให้ชาวเขมรอ่านบทสนทนาจึงควรเขียนโดยเทียบจากการออกเสียง ส่วนการศึกษารากศัพท์คำยืมเขมรนั้นค่อยใช้เทียบวิวัฒนาการอักษรประกอบ

👼👼👼👼👼👼👼👼👼👼


การออกเสียงวันนะยุตของเขมรและการใช้




การออกเสียงคั่นซัญญาของเขมรและการใช้