ภาพที่ 1 เทศกาลปีใหม่ของเขมรที่มา : Bona. 2562 : online.
ประเพณีหรือเทศกาลต่าง ๆ
ของชาวกัมพูชามีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ความเชื่อ
ศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวกัมพูชา ได้แก่
1. บุญขึ้นปีใหม่หรือบน
โจล ชนัม ทเม็ย
บุญขึ้นปีใหม่หรือบน โจล ชนัม ทเม็ยแปลว่า
บุญขึ้นปีใหม่ ตรงกับวันที่ 14-16 เมษายน ถือเป็นช่วงเวลาที่สมาชิกในครอบครัวได้กลับมาพบกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ก่อนถึงเทศกาลทุกคนในบ้านจะร่วมกันทำความสะอาดบ้านเรือนพร้อบตบแต่งให้สวยงามด้วยโคมไฟหลากสี
มีการเตรียมเครื่องแต่งกายชุดใหม่ และที่สำคัญคือการเตรียมเครื่องเซ่นสรวงต่อเทวดา
(สงกรานต์กัมพูชา วันปีใหม่แบบเขมร, 2559)
เมื่อเข้าสู่เทศกาลในวันแรก หรือ
วันทไง มา ฮา ซ็อง กรานต์ จะมีพิธีสำคัญคือ พิธีสังเวยรับเทวดาใหม่
คาดว่าเวลาในการเริ่มพิธีมีขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศโดยการรับสัญญาณผ่านโทรทัศน์วิทยุและเสียงระฆังจากวัดในหมู่บ้าน
ซึ่งถือเป็นการให้สัญญาณว่าเทวดาใหม่ได้เสด็จมาเพื่อรับเครื่องสังเวยแล้วและจะสถิตอยู่เพื่อปกปักรักษาเป็นเวลา
1 ปี เริ่มจากการจุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัย พรมน้ำอบแก่เครื่องเซ่นสังเวย
และอธิษฐานขอพรจากเทวดา จากนั้นจะนำภัตตาหารไปถวายพระที่วัดรวมถึงขนทรายเข้าวัดเพื่อก่อพระเจดีย์ทราย
ส่วนวันที่ 2 หรือ ทไง ก็อน ดาล
คล้ายกับว่าเป็นวันของบรรพบุรุษผู้ล่วงลับและบิดามารดา
เนื่องจากในช่วงเช้าจะมีการจัดอาหารคาวหวานและเสื้อผ้าชุดใหม่เพื่อกราบขอพรจากบิดามารดาและผู้มีพระคุณ
จากนั้นในช่วงสายจะน้ำภัตตาหารไปถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ที่วัดพร้อมทั้งมีการก่อพระเจดีย์ทรายขึ้นอีก
1 กอง ส่วนวันที่ 3 หรือ ทไง เลิง ซ็อก
ถือเป็นวันเถลิงศกของชาวกัมพูชา ในช่วงเช้ายังคงมีการนำภัตตาหารไปถวายพระที่วัด
ต่อด้วยสรงน้ำพระ และรดน้ำขอพรจากบิดามารดาในช่วงบ่าย จากนั้นจะมีการเล่นสาดน้ำกันอย่างสนุกสนาน
แต่ที่จริงแล้วหนุ่มสาวจะเล่นสาดน้ำและมีการละเล่นต่าง ๆ อาทิ สะบ้า มอญซ่อนผ้า
ชักเย่อ ตั้งแต่เริ่มเทศกาล หรือ ทไง มา ฮา ซ็อง กรานต์ (สงกรานต์กัมพูชา
วันปีใหม่แบบเขมร, 2559)
2. พิธีแรกนาขวัญ
พิธีแรกนาขวัญเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวกัมพูชา
มีขึ้นในช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนพฤษภาคมเพื่อความพร้อมของเกษตรกรก่อนการเพาะปลูกข้าว
โดยจะพิธีบริเวณสนามหน้าลานพระราชวัง โดยสันนิษฐานว่าเกิดขึ้นอย่างช้าที่สุดในสมัยนครธม
ถือเป็นพระราชพิธีที่พระมหากษัตริย์ให้ความสำคัญต่อวิถีการดำรงชีวิตของราษฎรผู้ทำการเกษตร
แม้ว่าพระองค์จะมิได้เป็นผู้ทำการเกษตรโดยตรง
ทรงเป็นเจ้าของแผ่นดินแต่มิได้ทรงหวงแหนพื้นที่ไว้เฉพาะพระองค์เพียงผู้เดียว
หากแต่พระราชทานพื้นที่ทำกินเหล่านั้นให้แก่ราษฎร
ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ราษฎรเหล่านั้นจึงทำการถวายผลผลิตทางการเกษตรของตนต่อองค์พระมหากษัตริย์เพื่อใช้เป็นเครื่องราชูปโภค
หรือที่เรียกว่า “การถวายส่วยสาอากร” (ออกญาเทพพิทู และ ขุนอุดมปรีชา,
2550: 87) ความโดดเด่นของพระราชพิธีอยู่ที่การเสี่ยงทายของพระโคโดยการนำอาหาร
7 อย่าง ประกอบด้วย ข้าวสาร ข้าวโพด ถั่ว หญ้า งา เหล้า
และน้ำ ให้พระโคเลือกกิน
หากพระโคเลือกกินอาหารชนิดใดพยากรณ์ว่าสิ่งนั้นจะบริบูรณ์ดี
ภาพที่ ประเพณีแซนโฏนตา
ที่มา : สุภาพร สุธารส. มปป. : ออนไลน์.
3. ประเพณีงานบุญใหญ่หรือแซนโฎนตา
ประเพณีงานบุญใหญ่หรือแซนโฎนตาถือเป็นงานบุญใหญ่ของชาวกัมพูชา
เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ ซึ่งมีระยะเวลาการจัดงานถึง 15 วัน ตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 จนถึง วันแรม 15 ค่ำเดือน 10 แบ่งเป็น 2 ระยะ
โดยระยะที่ 1 เรียกว่า เบ็นตูจ หรือ สารทเล็ก ส่วนระยะที่ 2 เรียกว่า เบ็นธม หรือ สารทใหญ่ ในส่วนของเบ็นตูจ
คือการนำอาหารไปทำบุญที่วัด แต่ที่สำคัญที่สุด คือ เบ็นธม หรือ สารทใหญ่
เป็นช่วงเวลาที่สมาชิกในครอบครัวทุกคนต้องกลับมารวมตัวกันยังบ้านเกิดเพื่อร่วมกันทำบุญอุทิศกุศลให้แก่บรรพบุรุษ
โดยการที่สมาชิกในครอบครัวจะผลัดเปลี่ยนกันนำอาหารไปทำบุญที่วัดทุกวันตลอดระยะเวลา
14 วัน เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นข้างแรม เชื่อว่าเป็นช่วงที่วิญญาณของบรรพบุรุษกลับมาสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง
ดังนั้นจึงก่อให้เกิดพิธีกันสงฆ์ หรือกันซ็อง ขึ้น
พิธีดังกล่าวเกิดขึ้นจากความเชื่อที่ว่าเมื่อบรรพบุรุษกลับมาสู่โลกมนุษย์แล้วจะมาอาศัยพักในวัดบ้านเกิดของตน
และรอคอยลูกหลานมาทำบุญ ดังนั้นการทำบุญในประเพณีแซนโฎนตาของชาวกัมพูชาจึงจำเป็นต้องกระทำในวัดบ้านเกิดของตน
เนื่องจากหากไปทำที่อื่นเชื่อว่าวิญญาณบรรพบุรุษที่มารอคอยอยู่ที่วัดบ้านเกิดนั้นจะไม่พบลูกหลาน
และจะออกตามหาลูกหลานไปทุกวัด และหากยังไม่พบก็จะโกรธและทำการสาปแช่งลูกหลาน
ในขณะเดียวกันหากพบว่าลูกหลานมาทำบุญที่วัดบ้านเกิดของตน
วิญญาณบรรพบุรุษก็จะชื่นอกชื่นใจให้พรลูกหลาน ทั้งยังปกปักรักษาคุ้มครอง
ดังนั้นในส่วนนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงความทับซ้อนกันระหว่างความเชื่อในวิญญาณของบรรพบุรุษ
หรือกล่าวสั้นๆ ว่าความเชื่อในเรื่องผีกับความศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่ว่าวัดจะเป็นที่พักอาศัยของวิญญาณผู้ล่วงลับเมื่อกลับมายังโลกมนุษย์และการถวายอาหารแก่พระสงฆ์จะทำให้วิญญาณของบรรพบุรุษได้รับอาหารนั้น
ๆ ไปด้วย
ในที่นี้วัดและพระสงฆ์จึงคล้ายกับเป็นสื่อกลางระหว่างวิญญาณของบรรพบุรุษกับลูกหลานให้ได้ติดต่อถึงกันตามพิธีกรรมและความเชื่อ
การทำบุญในประเพณีแซนโฎนตาจะมีการประกอบอาหารขึ้น 2 ชนิด ถือเป็นอาหารสำคัญประจำประเพณี คือ อ็อนซ็อมทำจากข้าวเหนียวห่อไส้หมูหรือไส้กล้วย
และ บายเบ็ณฑ์ คือ ก้อนข้าว ทำขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่ผีไร้ญาติ
หากพิจารณาตามความเชื่อของชาวกัมพูชาในจังหวัดสุรินทร์นั้นจะพบว่า บายเบ็ณฑ์
มีความเชื่อมโยงกับพระพุทธศาสนา ในเรื่องของจำนวนก้อนข้าวที่ใช้ในพิธีกรรม
ซึ่งใช้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 49 ก้อน
ตามจำนวนก้อนข้าวที่พระพุทธเจ้าหยิบเสวยเมื่อได้รับการถวายจากนางวิสาขา (ศิริพร
สุเมธารัตน์, 2553:455)
ภาพที่ การแข่งเรือเทศกาลน้ำของประเทศกัมพูชาที่มา :
4. เทศกาลน้ำหรือ
บอน อม ตุก
เทศกาลน้ำหรือ บอน อม ตุก นับเป็นเทศกาลประจำปีที่ยิ่งใหญ่ของชาวกัมพูชา
จัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความสำนึกในพระคุณของพระแม่คงคา แต่พื้นที่สำคัญอยู่ในกรุงพนมเปญ
บริเวณแม่น้ำจตุมุข อันเป็นจุดบรรจบกันของแม่น้ำสายหลักในกัมพูชาถึง 3 สาย คือ แม่น้ำโขง แม่น้ำบาสักและแม่น้ำสาบ
ภายในงานมีสมเด็จพระบรมนารถนโรดม สีหมุนี
เสด็จพระราชดำเนินร่วมงานโดยเป็นองค์ประธานในพิธี
พร้อมด้วยคณะรัฐบาลและข้าราชการระดับสูงตลอดจนพสกนิกรทุกหมู่เหล่า (ธีรภาพ
โลหิตกุล, 2558:152) ถือเป็นโบราณราชประเพณีที่มีปรากฏอยู่ในหนังสือพระราชพิธีทวาทศมาส
ของขุนอุดมปรีชา อธิบายว่า พระราชพิธีเดือนสิบสอง มี 3
พระราชพิธี คือ พระราชพิธีพายเรือ ลอยพระประทีป และไหว้พระแข (ออกญาเทพพิทู และ
ขุนอุดมปรีชา, 2550: 22) ซึ่งมีความสอดคล้องกับธรรมเนียมการจัดงาน บอน อม ตุก ในปัจจุบัน
มีการประกอบพิธีหลัก 3 พิธี คือ
1. พิธีลอยประทีป
จะกระทำในช่วงเวลากลางคืน ด้วยการลอยประทีปไปตามลำน้ำ
พร้อมทั้งมีการประกวดขบวนเรือที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยไฟหลากสี (ธีรภาพ โลหิตกุล, 2558:153)
2. พิธีไหว้พระจันทร์
หรือ ชาวกัมพูชาเรียกว่า สัมเพียสพระแข เพื่ออธิษฐานขอพรจาก ดวงจันทร์ให้มีข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์
3. พิธีอุ อัมมก
เป็นพิธีกรรมที่ชาวบ้านจะต้องมารวมตัวกันที่วัดในเวลาเที่ยงคืน เพื่อรับประทาน อัมมก
เป็นอาหารชนิดหนึ่งลักษณะคล้ายข้าวเม่าคลุก ผสมกล้วยและมะพร้าวขูด
อ้างอิงสุภาพร สุธารส. (มปป.). งานประเพณีแซนโฏนตา. (ออนไลน์). สืบค้นวันที่ 24/8/2564 จาก